มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด! ด้วย 5 ขั้นตอนออกแบบกล่องเครื่องสำอางค์ให้โดนใจ

มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด! ด้วย 5 ขั้นตอนออกแบบกล่องเครื่องสำอางค์ให้โดนใจ

รวม 5 วิธีเด็ดๆ สำหรับออกแบบกล่องเครื่องสำอางค์ให้น่าซื้อ

หากปกหนังสือ คือสิ่งที่ดึงดูดให้คนอยากอ่าน กล่องบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม ก็คือสิ่งที่ดึงดูดให้คนอยากซื้อสินค้า โดยเฉพาะกล่องเครื่องสำอางค์ ซึ่งเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการดูแลตัวเอง การเสริมสวย และการเพิ่มความงาม ดังนั้นการออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ให้ดูแพง เลอค่า เข้ากับรสนิยมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ก็จะยิ่งเพิ่มความต้องการซื้อได้มากยิ่งขึ้นตามไปด้วย เพื่อช่วยให้ผู้อ่านทุกท่านมีไอเดียออกแบบกล่องเครื่องสำอางค์ให้โดนใจ วันนี้เราเลยเตรียม 5 ขั้นตอนง่ายๆ ที่จะช่วยไล่เรียงความคิด และทำให้ทุกท่านเข้าใจคอนเซปต์ของการออกแบบกล่องเครื่องสำอางค์มาแนะนำ ตามมาดูกันได้เลย!

  1. เลือกกล่องเครื่องสำอางค์ให้เหมาะสมกับขนาดสินค้า แข็งแรง แกะง่าย ไม่ยุ่งยาก
    ก่อนที่เราจะไปพูดถึงเรื่องการออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ ขั้นตอนแรกต้องพูดถึงเรื่องขนาดกล่องบรรจุภัณฑ์ และหน้าตาของกล่องก่อน เนื่องจากเราต้องมีต้นแบบที่ดี ถึงจะวางแผนการออกแบบได้ไม่ผิดพลาด โดยหลักการเลือกกล่องบรรจุภัณฑ์ที่ดี ต้องเลือกให้เหมาะสมกับขนาดของสินค้า จับถนัดมือ แกะออกง่าย ไม่ซับซ้อนเกินไป และแข็งแรงมากพอ ซึ่งกล่องบรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่ใช้กัน มักจะทำมาจากกระดาษ เพราะมีต้นทุนไม่สูงมาก ย่อยสลายง่าย ลดปริมาณขยะ และส่งเสริมเทรนด์รักษ์โลกในยุคปัจจุบันอีกด้วย โดยเนื้อกระดาษของกล่องบรรจุภัณฑ์ที่มักนิยมนำมาใช้ จะมีด้วยกัน 4 ประเภทใหญ่ๆ คือ

    กล่องเครื่องสำอางค์เนื้อกระดาษแป้งหลังเทา: กล่องเครื่องสำอางค์ประเภทนี้จะใช้งบประมาณต่ำที่สุด จึงได้รับความนิยมมาก โดยเนื้อกระดาษประเภทนี้จะมีความหนาประมาณ 310 – 500 แกรม

    กล่องเครื่องสำอางค์เนื้อกระดาษแป้งหลังขาว: กล่องประเภทนี้จะเหมือนกับกล่องกระดาษแป้งหลังเทา แต่เมื่อพิมพ์ออกมาจะดูดีมากกว่า และต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น

    กล่องเครื่องสำอางค์กระดาษอาร์ตการ์ด: กล่องกระดาษประเภทนี้จะมีความหนาประมาณ 270 – 400 แกรม เป็นกล่องที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะเมื่อทำการพิมพ์ออกมา งานภาพจะสวยมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้งบประมาณสูง

    กล่องเครื่องสำอางค์กระดาษคราฟต์น้ำตาล: กล่องกระดาษประเภทนี้ทำมาจากกระดาษรีไซเคิล หากแบรนด์ไหนอยากชูเรื่องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมร่วมด้วย สามารถเลือกใช้งานกล่องประเภทนี้ได้เลย แต่ไม่เหมาะที่จะนำไปออกแบบด้วยสีสันที่หลากหลาย เพราะกล่องแบบนี้เหมาะกับการพิมพ์ด้วยสีเดียวมากกว่า

    นอกจากเลือกประเภทวัสดุของกล่องบรรจุภัณฑ์แล้ว หากใครอยากสร้างความแตกต่าง อาจออกแบบรูปร่างกล่องให้แปลกตาออกไปจากแบรนด์อื่นๆ เช่น ออกแบบกล่องให้เป็นรูปผลไม้ ให้ตรงตามกลิ่นของผลิตภัณฑ์ หรือตามวัตถุดิบที่ใช้ในการทำเครื่องสำอางค์ เป็นต้น 

  2. สร้างภาพจำสินค้าให้ติดตา ด้วยการมี “คอนเซปต์” ของกล่องบรรจุภัณฑ์ที่ชัดเจน
    หลังจากเลือกขนาด รูปร่าง และวัสดุของกล่องบรรจุภัณฑ์ที่จะใช้ได้แล้ว ลำดับต่อมาคือเรื่องของการออกแบบอย่างเต็มตัว โดยไอเดียแรกที่คนออกแบบทุกคนต้องมี คือการวางแนวทาง หรือวางสไตล์ของสินค้าให้ชัดเจน เพื่อกำหนดภาพรวมของการออกแบบให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งการที่จะทำอย่างนี้ได้ ผู้ออกแบบต้องเข้าใจกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าของตัวเองเสียก่อน และที่สำคัญ จะต้องเข้าใจคอนเซปต์ของสินค้าตัวเองด้วย หากใครยังนึกภาพไม่ออก อาจลองวางแนวทางกว้างๆ เอาไว้ก่อน เช่น กำหนดแนวทางหรือสไตล์ของสินค้าขึ้นมาให้ทำเป็นแนววินเทจ แนวมินิมอล เรียบง่าย แนวเรียลลิสติก เน้นภาพถ่ายสินค้าจริง แนวภาพวาดลายเส้น หรือแนวสีสันฉูดฉาด ด้วยภาพดอกไม้ พืชพรรณต่างๆ เป็นต้น

  3. เลือกสีกล่องบรรจุภัณฑ์ให้น่าดึงดูด ไม่หลุด “ธีม”
    หลังจากเลือกคอนเซปต์ได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกสี โดยส่วนใหญ่มักจะเลือกสีหลักขึ้นมาสัก 2 – 3 สี ไม่เกินนี้ เพื่อไม่ให้สีของกล่องดูจัดจ้าน หรือรกตาจนเกินไป ซึ่งแบรนด์เครื่องสำอางค์ส่วนใหญ่อาจจะมีสีประจำแบรนด์ของตัวเองอยู่แล้ว การเลือกใช้สีประจำแบรนด์ออกแบบกล่องเครื่องสำอางค์ไปเลย ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ หรือถ้าใครไม่อยากใช้สีประจำตัวของแบรนด์ แต่อยากเลือกสีให้เป็นเอกลักษณ์ของคอลเลคชันเครื่องสำอางค์ชุดนั้นๆ โดยเฉพาะ ก็อาจลองค้นหาดูว่าสีไหนมีความหมายที่สื่อถึงผลิตภัณฑ์ของคุณได้ดี หรือถ้าใครเลือกสีหลักได้แล้ว แต่ไม่รู้จะเลือกสีอื่นยังไงให้ดูเข้ากัน ก็สามารถลองเข้ามาที่เว็บไซต์ Coolers.co เพื่อให้ช่วยจับคู่สีที่ใช้ร่วมกันแล้วดูสวยงาม เข้าขากันสุดๆ ได้เลย

  4. จัดวาง “โลโก้” ให้โดดเด่น ถูกที่ถูกทาง
    โลโก้ หรือเครื่องหมายทางการค้า เป็นสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้บนกล่องเครื่องสำอางค์ และต้องทำให้ดูโดดเด่นมากที่สุดด้วย โดยสิ่งที่จะทำให้โลโก้ดูโดดเด่นขึ้นมาได้ คือการจัดวางและเว้นพื้นที่ว่างให้โลโก้ กับตัวอักษรอื่นๆ ได้เฉิดฉาย คุณอาจจะวางโลโก้ไว้ที่มุมใดมุมหนึ่งของกล่องบรรจุภัณฑ์ วางไว้ตรงกึ่งกลาง หรือบางแบรนด์ที่มีโลโก้เป็นตัวอักษร อาจเอามาประยุกต์ให้กลายเป็นลวดลายของกล่องไปเลยก็ได้

  5. ใส่ “ข้อมูล” ผลิตภัณฑ์ให้ครบ อ่านแล้วจบหมดความสงสัย
    ขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่สุด คือการระบุข้อมูลของเครื่องสำอางค์ลงบนกล่องบรรจุภัณฑ์ให้ครบถ้วน ข้อกำหนดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ตั้งขึ้นมาเอง แต่เป็นสิ่งที่ราชกิจจานุเบกษา ปี 2562 ระบุเอาไว้ เพราะฉะนั้นการจะออกแบบสินค้าให้ดี และถูกต้องตามกฎหมาย จะมีแต่ความสวยงามไม่ได้ แต่ต้องมีข้อมูลที่ครบถ้วนด้วย ลูกค้าจะได้เชื่อมั่นในสินค้า และกล้าเลือกใช้งานได้อย่างสบายใจ โดยสิ่งที่ต้องระบุลงไปในฉลากทั้งหมด มีดังนี้คือ ชื่อทางการค้า ชื่อเครื่องสำอางค์ ประเภทของเครื่องสำอางค์ ส่วนผสม ชื่อผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ปริมาณสุทธิ เลขที่แสดงครั้งที่ผลิต ใบรับแจ้งเลขที่ และคำเตือน ถ้าใครอยากอ่านข้อมูลของราชกิจจานุเบกษาข้อนี้ให้ถี่ถ้วน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่


ทั้งหมดนี้ คือ 5 ขั้นตอนง่ายๆ สำหรับคนที่อยากออกแบบกล่องเครื่องสำอางค์ให้ถูกใจลูกค้า แม้หลายคนจะคิดว่า ตัวเองใช้งานโปรแกรม หรือเครื่องมือออกแบบไม่เป็น ต่อให้รู้ขั้นตอนไปก็อาจจะทำตามไม่ได้ ต้องบอกเลยว่าคุณคิดผิด เพราะถึงแม้ว่าเราจะทำตามสิ่งที่คิดไม่ได้ แต่เราสามารถวางแผน วางคอนเซปต์ และกำหนดสิ่งที่ต้องการ เพื่อนำเอาข้อมูลเหล่านั้นไป Brief ให้มืออาชีพฟัง และทำออกมาตามแบบที่เราต้องการได้ ซึ่งถ้าใครอ่านบทความนี้จบ แล้วอยากหาสถานที่รังสรรค์จินตนาการออกมาให้เป็นจริง บริษัท งานพิมพ์ถูก ผู้จัดจำหน่ายกล่องบรรจุภัณฑ์ และรับออกแบบกล่องเครื่องสำอางค์ยินดีให้บริการ พวกเราพร้อมสร้างกล่องเครื่องสำอางค์ในฝันที่ดีที่สุดให้กับแบรนด์ของคุณ


สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท งานพิมพ์ถูก จำกัด

Tel:  093-935-9668 , 02-266-3738-39 เฉพาะ จ - ศ
Tel:  ( 02-413-5660-2 เฉพาะวันเสาร์ )
E-mail: nganpimtook@gmail.com
Facebook: www.facebook/งานพิมพ์ถูก.com
Line: ID @nganpimtook

Visitors: 528,069